@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 11 วันที่ 2 มี.ค. 56


อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 11 วันที่ 2 มี.ค. 56

เจ้าอุรคารับรู้ความพยาบาทระหว่างภุชคินทร์กับสุบรรณ นอนสงบนิ่งบำเพ็ญเพียรในถ้ำใต้บาดาลเพื่อลดความรู้สึกผิดในใจ โดยเฉพาะกับภุชคินทร์ที่ต้องพบกับความเจ็บแค้นอีกครั้ง

“ภุชเคนทร์...เรา ขอโทษที่เป็นคนจุดประกายไฟแค้นในใจท่านให้ลุกโชน ทั้งๆที่ภพชาตินั้นมันจบไปแล้ว บุญที่เกิดจากการบำเพ็ญเพียรของเราครั้งนี้ เราขออุทิศให้ท่านเพื่อลดทอนไฟอาฆาตในใจท่านให้เบาบางลง”

ยมนาปรากฏตัวและมองดูสหายรักสวดภาวนาด้วยแววตาเวทนา เปรยเสียงเบาถึงชะตากรรมพญานาคสาว


“บางสิ่งมันอาจไม่เป็นอย่างที่เจ้าคิด กรรมที่เจ้าทำ... ตอนนี้กำลังส่งผล ถึงเวลาที่เจ้าต้องใช้กรรมแล้วอุรคา”

เวลา เดียวกันที่หน้าเฮือนภูจำปา...ภุชคินทร์ขับรถมาจอด มองพื้นที่ว่างเปล่าตรงหน้าด้วยดวงตาหม่นหมอง คร่ำครวญตัดพ้อเสียงสั่นเครือถึงเจ้าอุรคาที่หายตัวโดยไม่บอกกล่าว

“ผม คิดถึงเจ้า ผมรักเจ้า แต่ทำไมเจ้าถึงทิ้งผมอย่างนี้ ไหนสัญญาจะไม่ทิ้งกัน เจ้าอยากให้ผมจดจำ พอผมจำได้ ทำไมเจ้าถึงทิ้งผมไป เจ้าไม่รักผมแล้วหรืิอ”

ฟากเจ้าอุรคาลืมตาที่ถ้ำใต้น้ำ รับรู้และต่อสู้กับใจตัวเองอย่างหนักเพราะอยากพบชายหนุ่มเหลือเกิน

“เรา ไม่อยากสร้างกรรมมากไปกว่านี้ภุชเคนทร์ เพราะเรารักท่านจนยอมทำร้ายตัวเอง ถึงเวลานี้เราต้องยุติไม่อย่างนั้น...ท่านเองที่จะเจ็บปวดจากกรรมที่เราก่อ และสุดท้ายท่านสุบรรณก็จะตามจองเวรท่านไม่สิ้นสุด”

ภุชคินทร์เห็นทุก อย่างเงียบสงบ ตัดสินใจวิ่งไปที่บึงและกระโจนลงน้ำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากเจ้าอุรคา สุบรรณขับรถมาจอด ทันเห็นหลังภุชคินทร์ไวๆจึงตามไปดู ตาเหลือกที่เห็นราชนิกุลหนุ่มแหวกว่ายในบึงอย่างบ้าคลั่ง ขณะเดียวกันที่ถ้ำใต้บาดาล...เจ้าอุรคาร้อนรุ่มนั่งไม่ติดและตั้งท่าจะออกไป ชรายุขวางไว้และกล่อมให้ตัดใจ เจ้าอุรคาเห็นภาพภุชคินทร์ทุกข์ทรมานก็ทนไม่ไหว แหวขึ้นอย่างเหลืออด

“เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วชรายุ ภุชเคนทร์จะฆ่าตัวตาย”

“เขาเลือกเช่นนั้น ปล่อยให้เป็นวิถีแห่งกรรมเถอะเจ้า”

“ไม่ได้...เขาจะตายเพราะเราเป็นต้นเหตุไม่ได้ สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือบาปมหันต์”

“นั่นคือสิ่งที่เจ้าคิด แต่มันอาจไม่ใช่ความจริง เจ้าลองหยุดเอาตัวเองไปเกี่ยวพันกับสิ่งที่กำลังเกิด แต่จงปล่อยแล้วเพ่งมอง เจ้าจะเห็นชีวิตที่เป็นของเขาเอง”

เจ้าอุรคาผ่อนท่าทีแต่ยังร้อนรน ส่วนภุชคินทร์ชักหมดแรง ตะเกียกตะกายขึ้นฝั่ง ตะโกนแดกดันเจ้าอุรคาแล้วตัดสินใจกระโดดลงน้ำใหม่และปล่อยตัวเองให้จม สุบรรณเห็นท่าไม่ดีจึงกระโจนไปช่วย ภุชคินทร์ขืนไว้แต่สุดท้ายก็โดนลากกลับขึ้นฝั่ง ภุชคินทร์โมโหที่โดนขวาง ลุกได้ก็ถลันไปชกหน้าอย่างแรง สุบรรณไม่ถือสาแต่พูดเหน็บให้เจ็บใจ

“โง่...คนที่ฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหาคือคนโง่ คนสิ้นคิด”

“แต่คนสิ้นคิดคนนี้คือคนที่ถูกเลือก...เจ้าอุรคาเลือกฉัน”

“เจ้าเลือกคุณ แต่คุณเลือกตายเพื่อไปหาเจ้าน่ะหรือ ไม่จำเป็น...ที่ผมมาเพื่อบอกว่าจะไม่ยุ่งกับความรักของพวกคุณอีก เชิญรักกันให้พอ จะได้ไม่สร้างเวรสร้างกรรมต่อกัน ถ้ารู้แล้วคุณจะเลือกความตายก็เชิญ”

สองหนุ่มมองตาท้าทาย ภุชคินทร์กระโดดลงน้ำอีกรอบ คราวนี้สุบรรณไม่ขวางแต่ยืนดู เจ้าอุรคาผุดลุก

ผุดนั่งด้วยความร้อนใจในถ้ำใต้น้ำ ชรายุพยายามปลอบให้มองทุกอย่างด้วยสติ

“ทุกชีวิตล้วนรักตัวเองยิ่งกว่าสิ่งใด ไม่มีใครสละชีวิตได้เพื่อใครค่ะเจ้า”

ในที่สุดภุชคินทร์ทนไม่ไหว กระเสือกกระสนกลับขึ้นฝั่ง เหนื่อยจนแทบหมดลม สุบรรณทนดูดายไม่ได้ช่วยผายปอดจนสำลักน้ำแล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่จริงจัง

“ผมคืนชีวิตให้คุณ เป็นการชดเชยอดีตชาติที่เคยคร่าชีวิตคุณ อโหสิกรรมให้ผมนะคุณชาย”

เจ้าอุรคาดีใจที่ภุชคินทร์รอดชีวิต เช่นเดียวกับสุบรรณที่โล่งใจ ต่างจากภุชคินทร์ที่นอนมองนักการเมืองหนุ่มอย่างไม่ยอมแพ้ ความแค้นในอดีตยังไหลพล่านทั่วร่างจนสุดระงับ...ฉันไม่มีวันอภัยให้แกไอ้สุบรรณ!

ooooooo

ภุชคินทร์หอบร่างสะบักสะบอมไปหาไพศิษฐ์ที่บ้าน คร่ำครวญถึงความแค้นที่มีต่อสุบรรณ ไพศิษฐ์รับฟังด้วยสีหน้าปลงๆ ปลอบเพื่อนไม่ให้คิดมากเพราะเชื่อในเรื่องของกฎแห่งกรรม

“ฉันเชื่อว่าใครทำอะไรไว้ สุดท้ายก็ต้องได้อย่างนั้น”

“ก็แล้วเมื่อไหร่คนเลวๆอย่างมันถึงจะได้รับกรรม”

“ที่วันนี้เขายังได้ดีอยู่เพราะมีบุญจากอดีตชาติคอยหนุน แต่ถ้าเขาไม่ยอมต่อบุญ สักวันบุญก็ต้องหมดไป”

ภุชคินทร์ผ่อนท่าทีแต่ไม่หายหงุดหงิด แทบรอให้กรรมส่งผลไม่ไหว ไพศิษฐ์เห็นใจ ปลอบเสียงแผ่ว

“ฉันรู้ว่านายเจ็บ แต่วิธีทำให้ท่านสุบรรณเจ็บไม่ได้มีแค่การจองล้างจองผลาญ มีวิธีอื่นที่สามารถทำได้อย่างถูกทำนองคลองธรรมภายใต้คำว่ากฎหมาย...ฉันไม่ยอมให้นายเจ็บคนเดียวหรอกชาย”

สองหนุ่มกอดกันแน่น ภุชคินทร์ร้องไห้อย่างไม่อาย ไพศิษฐ์มองด้วยความสังเวชใจ

ด้านหม่อมภาณี...พะวักพะวนเรื่องเจ้าอุรคา สั่งตาสินคนสวนถางหญ้ารื้อสวนและเปลี่ยนเป็นกระเบื้อง ตาสินทำตามงงๆ เห็นงูตัวเขื่องชูคอในพุ่มไม้จึงคว้าเสียมไปไล่ หม่อมภาณีเลือดขึ้นหน้า พาลคิดว่างูทุกตัวเป็นพวกเจ้าอุรคา แย่งเสียมมาฟาดงูกะให้ตาย ตาสินร้องห้ามเพราะไม่เคยเห็นเธอมีท่าทีแบบนี้มาก่อน หม่อมภาณีแหวเสียงเครียด

“ถ้าฉันไม่ฆ่ามัน มันก็จะฆ่าลูกฉัน...นังงูผี ฉันบอกแกไว้ก่อนเลยนะ ฉันไม่มีวันยอมให้ทำอะไรลูกฉันแน่”

ตาสินงุนงง ฉับพลันนั้น...มีเสียงแหวกพงหญ้า หม่อมภาณีหันขวับเหงื่อซึม หลับหูหลับตาฟาดไปทั่วเพราะคิดว่าเป็นงูเจ้าอุรคา ตาสินเห็นงูเลื้อยจากไปแล้ว ค่อยๆแย่งเสียมจากมือเจ้านายสาว นารีวรรณได้ยินเสียงเอะอะจึงออกมาดู ผงะที่เห็นแม่กรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง ถลันประคองแม่กลับห้องและกอดปลอบครู่ใหญ่จึงออกไป หม่อมภาณีถอนใจหนักหน่วง ยังปักใจว่างูในสวนเป็นเจ้าอุรคา พยายามข่มตานอนอย่างยากลำบาก

หม่อมภาณีเข้าสู่นิทรารมณ์ไม่นานจากนั้น เห็นเจ้าอุรคาในร่างงูยักษ์เลื้อยไปห้องภุชคินทร์และมองมาอย่างท้าทาย หม่อมภาณีรวบรวมความกล้าหยิบปืนเดินไปห้องลูกชายด้วยใจระทึก เห็นเจ้าอุรคานอนกอดเขาบนเตียง ไล้หน้าอกและจูบแก้มเบาๆ หม่อมภาณีกรีดร้องแต่เหมือนพูดกับกำแพง ภุชคินทร์ไม่สนสิ่งใด กอดจูบลูบไล้เจ้าอุรคาอย่างหลงใหล หม่อมภาณีเหนี่ยวไกปืนแต่กระสุนด้าน เจ้าอุรคาซุกไซ้ลำคอภุชคินทร์ หันกลับมาพร้อมเลือดกบปากและเขี้ยวขาวที่งอกออกมา หม่อมภาณีกรี๊ดสุดเสียง สะดุ้งตื่นกลางดึกในห้องตัวเอง นั่งหน้าซีดพึมพำเบาๆ

“ฉันกลัวว่าจะไม่เป็นแค่ฝัน ได้โปรด...อย่าทำร้ายลูกฉันเลย ฉันขอล่ะ”

หม่อมภาณีนอนไม่หลับครุ่นคิดเรื่องในฝันถึงเช้าวันถัดมา ปรับทุกข์กับนารีวรรณด้วยสีหน้าเซ็งจัด

“โทร.ไปก็ไม่รับ ความรักทำให้พี่เราตาบอด ไม่มองไม่ฟัง ไม่ยอมรับรู้อะไร แม้แต่ความรักและหวังดีของแม่!”

นารีวรรณพลอยเศร้าที่เห็นแม่ทุกข์ใจ หม่อมภาณีเปรยว่าจะลองตามหาภุชคินทร์ที่บ้านเจ้าอุรคา ตรงไปหาเจ้าประกายคำที่ร้านเพื่อถามที่อยู่แต่ไม่ได้เรื่อง เจ้าประกายคำแนะให้ลองไปที่เมืองภูจำปา หม่อมภาณีสงสัยว่าภุชคินทร์จะขลุกกับเจ้าอุรคา กลับบ้านและโทร.บอกน้องชายว่าจะไปเมืองภูจำปา ภิงคารจะห้ามแต่โดนตัดสาย นึกไม่ถึงเลยว่าหม่อมภาณีกับนารีวรรณกำลังตะลึง เห็นภุชคินทร์เดินเข้าบ้านด้วยท่าทางเพลียๆ

ooooooo

หม่อมภาณีกับนารีวรรณกอดภุชคินทร์ด้วยความคิดถึง จับตามเนื้อตัวอย่างเป็นห่วงน้ำตาคลอ ละล่ำละลัก บอกรักจนชายหนุ่มใจหาย กอดและบอกรักแม่กับน้อง หม่อมภาณีปลื้มใจ อ้อนวอนเสียงอ่อน

“จริงนะลูก...จริงนะ งั้นชายอยู่กับแม่ อย่าไปกับเจ้าอุรคา”

“ผมก็ไม่ได้ไปกับเจ้าอุรคานี่ครับคุณแม่”

หม่อมภาณีไม่อยากเชื่อ คาดคั้นจนลูกชายอึดอัด ไม่กล้าบอกว่าไปอยู่ไหนมาหลายวัน หม่อมภาณีอาละวาดใส่เพราะตีความอาการเงียบว่าอยู่กับเจ้าอุรคา ภุชคินทร์พยายามปฏิเสธแต่ไม่ได้ผล หม่อมภาณีคอยตั้งแง่กับราชนิกุลสาวจนเขาทนไม่ไหว กระแทกเท้าขึ้นห้องอย่างโกรธจัด หม่อมภาณีร้องไห้โฮ ตะโกนตัดพ้อลูกชายไล่หลัง

“เป็นเพราะเจ้าอุรคาคนเดียว ทำให้ชายเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้”

“คุณแม่ใจเย็นก่อนค่ะ พี่ชายอาจไม่ได้ไปกับเจ้าอุรคาจริงๆก็ได้นะคะ” นารีวรรณปลอบ

“ไม่ต้องมาปลอบแม่ หนูนาก็คิดอย่างแม่นั่นแหละ ลูกนะลูกไม่คิดถึงหัวอกแม่บ้างเลย แล้วแม่จะทำยังไง”

หม่อมภาณีสะอื้นไห้ใจแทบขาด นารีวรรณได้แต่กอดปลอบ จนปัญญาจะช่วยแม่กับพี่ชาย...

เวลาเดียวกันที่ถ้ำใต้บาดาล...เจ้าอุรคารับรู้ทุกการกระทำและความนึกคิดของภุชคินทร์ รู้สึกผิดที่ทำให้วิบากกรรมลุกลาม ชรายุคอยดูแลและพูดเตือนสติว่าทุกชีวิตย่อมมีวิถีทางของตน เจ้าอุรคาน้ำตาซึม เปรยเสียงแผ่ว

“เราเลือกท่าน แต่ท่านกลับเลือกตัวเองภุชเคนทร์ เราต้องถามตัวเองอุรคา...ว่าจะมีชีวิตอยู่เพื่อเขาเท่านั้นหรือ”

เจ้าอุรคาบอกตัวเองให้เร่งสร้างบุญบารมีเพื่อลดทอนบาปกรรมที่ทำไว้ พยายามหลับตา ตั้งสมาธิอย่างยากเย็น

ฝ่ายสุบรรณสลดใจกับเหตุการณ์ในอดีตชาติ ตัดสินใจอโหสิกรรมทุกอย่างและตั้งหน้าตั้งตาทำบุญสร้างกุศล อำนาจและทุกคนในบ้านมองหน้ากันงงๆเพราะไม่เคยเห็นเจ้านายหนุ่มเป็นแบบนี้ สุบรรณไม่สนใจเสียงซุบซิบ ใส่บาตรอย่างสำรวมและตั้งใจกรวดน้ำอุทิศบุญทั้งหมดให้ภุชคินทร์กับเจ้าอุรคา

“ผมจะพยายามหยุดความรู้สึกโกรธและเกลียดต่อคุณทั้งสอง จะไม่สร้างวิบากต่อ การทำบุญทุกครั้งต่อจากนี้ขอเป็นการอโหสิกรรมต่ออดีตชาติที่ล่วงเกินพวกคุณ...เจ้าอุรคากับคุณชาย”

สุบรรณยิ้มน้อยๆ ใบหน้าเหมือนคนที่ปล่อยวางแล้ว สั่งอำนาจให้ลดจำนวนบอดี้การ์ดในบ้าน เหลือไว้เท่าที่จำเป็น มือขวาคนสนิทมองงงๆแต่ไม่กล้าขัดคำสั่ง ตามไปช่วยจัดของและเตรียมไปทำบุญด้วย

ข่าวความใจบุญของสุบรรณเป็นที่สนใจของคนทั่วประเทศ ไพศิษฐ์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์ เห็นภาพสีหน้าอิ่มเอิบอิ่มบุญของสุบรรณแล้วไม่อยากเชื่อ เปรยกับจ่าชิดว่านักการเมืองหนุ่มทำบุญบังหน้าหวังผล จ่าชิดไม่เห็นด้วย คิดว่าสุบรรณอาจเปลี่ยนไปในทางที่ดี ไพศิษฐ์เหยียดยิ้มแล้วพูดเสียงเยาะ

“เหรอ...แต่ผมว่าคนอย่างท่านสุบรรณไม่ต่างจากสุนัขขี้เรื้อนคลุมกายด้วยหนังราชสีห์”

ขณะเดียวกันที่วังนาเคนทร์...พะนอฤดีมาหานารีวรรณเพื่อถามเรื่องภุชคินทร์เหมือนเคย ทำหน้าแหยงๆเมื่อฟังเรื่องจบและบอกว่าเจ้าอุรคาเป็นคนน่ากลัว แต่เพราะความอยากได้ในตัวราชนิกุลหนุ่มมีมากกว่าจึงเสนอตัวเข้าแลกเพื่อดึงเขาออกจากเจ้าอุรคา นารีวรรณลังเลแต่คิดว่าเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเจ้าอุรคาเลยยอมร่วมมือ พะนอฤดียิ้มพอใจ...คราวนี้คุณชายภุชคินทร์เสร็จเธอแน่!

ooooooo

ภุชคินทร์ว้าวุ่นจนไม่เป็นอันทำอะไร กังวลว่าเจ้าอุรคาจะรู้ทันแผนประทุษร้ายต่อสุบรรณโดยใช้เธอเป็นเครื่องมือ รู้สึกผิดเพราะไม่อยากให้คิดมาก เขารักเธอแต่อยากล้างแค้นพญาสุบรรณด้วย

“ใจจริงแล้วผมรักเจ้า ผมแค่ต้องการให้ไอ้สุ–บรรณมันเจ็บปวดที่เจ้าไม่เคยรักมัน ไม่เคยต้องการมัน”

ภุชคินทร์เดินไปมาในห้องอย่างเครียดจัด คิดหาทางปรับความเข้าใจกับเจ้าอุรคาหัวแทบระเบิด ไม่รู้แม้แต่น้อยว่าพะนอฤดียืนจดๆจ้องๆหน้าห้อง นารีวรรณเคาะประตู ผลักเพื่อนเข้าข้างในพร้อมถาดอาหารแล้วปลีกตัวไป ภุชคินทร์ของขึ้นตะโกนไล่เธอออกจากห้อง พะนอฤดีใช้น้ำเย็นเข้าลูบ คะยั้นคะยอให้ทานอาหารฝีมือเธอแต่ไม่ได้ผล โดนกระชากแขนและเหวี่ยงออกนอกห้อง พะนอฤดีหน้าเสีย ร้องไห้โฮอย่างหมดอาย

หม่อมภาณีนั่งมองพะนอฤดีร้องไห้กระซิกๆอย่างไม่ชอบใจ นารีวรรณไม่ทันสังเกตอาการแม่ กระแนะกระแหนพี่ชายว่าหลงเจ้าอุรคาจนโงหัวไม่ขึ้น พะนอฤดีตั้งท่าจะพูดแต่โดนหม่อมภาณีดักคอ เหน็บถึงพฤติกรรมไม่เหมาะสม

“การที่ผู้หญิงเข้าไปหาผู้ชายถึงในห้องนอนโดยไม่ได้เป็นอะไรกัน ตีความได้อย่างเดียวคือให้ท่า ถึงฉันจะไม่ต้องการลูกสะใภ้ผี ฉันก็ไม่ต้องการผู้หญิงที่ไม่เป็นกุลสตรีมาเป็นสะใภ้เหมือนกัน”

จบคำกับพะนอฤดีก็หันไปต่อว่าลูกสาวที่ไม่รู้จักคิด นารีวรรณหน้าจ๋อย ขอโทษทั้งน้ำตาว่าทำทุกอย่างเพราะอยากให้แม่พ้นทุกข์ หม่อมภาณีถอนใจหนักหน่วง ผ่อนท่าทีและเปรยเสียงอ่อน

“เรื่องเลวร้ายจะไม่เกิดขึ้น ถ้าเจ้าอุรคาไม่เข้ามาในชีวิตของชาย ฉันเกลียดเธอเจ้าอุรคา...ฉันเกลียดเธอ!”

ดวงตาหม่อมภาณีเต็มไปด้วยความโกรธแค้นที่โดนพรากลูกชาย...เจ้าอุรคารับรู้ด้วยญาณพิเศษจากถ้ำใต้บาดาล ว่ายน้ำทะยานขึ้นสู่ผิวน้ำด้วยแววตาเจ็บปวด ร้องไห้คร่ำครวญว่าไม่ต้องการเป็นที่รังเกียจ แค่ต้องการให้รักหวนคืน พาลเคืองถึงภุชคินทร์ที่ทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง ชรายุปรากฏตัวและเตือนสติ

“จิตมนุษย์ยากแท้หยั่งถึง”

“พญานาคอย่างเรา รักคือรัก เกลียดคือเกลียด ไม่ซับซ้อนเหมือนมนุษย์ ภุชเคนทร์บอกรักเรา แล้วเหตุใดถึงทำกับเราอย่างนี้ เรากลัว...กลัวความเป็นมนุษย์เหลือเกินชรายุ”

“เราจึงไม่ควรใกล้ชิดมนุษย์มากนัก เพราะหากจิตไม่ตั้งมั่นพออาจถูกดึงต่ำลงด้วยกิเลสตัณหามากมายของมนุษย์ ทั้งรัก โลภ โกรธ หลง!”

“แตกต่างจากพญานาคอย่างเราที่มีแต่ราคะกับโทสะ ซึ่งก็นำพาทุกข์มาให้เรามากเกินพอ”

“แล้วเจ้ายังอยากใกล้ชิดกับมนุษย์อยู่อีกหรือ”

ชรายุมองอย่างคาดคั้น เจ้าอุรคาลังเลและมีท่าทีอึดอัด...หรือเราต้องวางภุชเคนทร์จริงๆ

ฟากภุชคินทร์ขับรถออกจากบ้านมาถึงบริเวณที่เคยเป็นที่ตั้งเฮือนภูจำปา มองรอบๆด้วยความเศร้าใจ พื้นที่ตรงหน้ายังโล่งปราศจากเฮือนหลังใหญ่คุ้นตา ชายหนุ่มคร่ำครวญขอโทษและขอโอกาสเจ้าอุรคาอีกครั้ง

“ผมแค่ต้องการทำร้ายไอ้สุบรรณ ให้รู้รสความเจ็บปวดและพ่ายแพ้ซะบ้าง ทำไมเจ้าไม่เข้าใจผมบ้าง...ทำไม!”

ภุชคินทร์กวาดตามองรอบตัวด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ผลุนผลันขับรถออกจากบริเวณนั้นอย่างหัวเสีย

ooooooo

ภุชคินทร์เมามายไม่ได้สติ อาละวาดในผับจนไพศิษฐ์ต้องลากออกมา ขับรถพาไปนั่งให้สร่างเมาที่ริมน้ำ ภุชคินทร์นอนแผ่กับพื้น มองท้องฟ้ามืดมนด้วยแววตาหม่นหมอง คร่ำครวญปรับทุกข์กับเพื่อนรัก

“ฉันเพิ่งรู้ตัวว่าโง่ ที่ทำกับเจ้าอย่างนั้น ทั้งที่ผ่านมาเจ้ารักฉันมาตลอด”

“นายไม่ควรล้อเล่นกับความรักตั้งแต่แรก เพราะถ้าความรักไม่เล่นด้วย นายเองจะเจ็บปวด”

“ใช่...ตอนนี้ฉันเจ็บปวดมาก เพราะวันนี้ฉันรู้แล้วว่าขาดเจ้าไม่ได้”

“เพราะนายมุ่งแต่จะแก้แค้นท่านสุบรรณจนไม่คิดเรื่องอื่น ถึงนายอยากฆ่าหรือทำร้ายเขาแค่ไหน ถ้ายังไม่ถึงเวลาเขาก็ไม่เป็นอะไร และสิ่งที่ทำจะย้อนคืนมาหานายทั้งหมดอย่างที่เรียกว่ากรรมตามสนอง”

ไพศิษฐ์เตือนเสียงเครียด พูดถึงกฎแห่งกรรมหวังให้เพื่อนคิดได้ แต่โดนภุชคินทร์ตัดบท

“ฉันยอมเลว ถ้าได้แลกกับการได้เอาคืน”

“คนรู้ตัวว่าเลวแล้วแก้ไข ยังไงก็ดีกว่าคนที่ไม่รู้ตัวว่ากำลังทำเลว”

ไพศิษฐ์มองมาอย่างเวทนา พยายามกล่อมให้ปล่อยวางเพราะความแค้นไม่ช่วยอะไร ภุชคินทร์ยังรั้น โต้ว่าไม่มีทางยกโทษให้พญาสุบรรณและผลุนผลันจากไปอย่างโกรธจัด ผู้กองหนุ่มส่ายหน้าด้วยความระอา

“ฉันเข้าใจชาย...การอโหสิกรรมทำได้ยาก ไม่งั้นคนทั้งโลกคงมีแต่การให้อภัย ไม่มีการโกรธแค้น ไม่มีสงคราม แต่ที่ฉันไม่เข้าใจ...ทำไมนายเลือกเดินสู่ที่มืดทั้งที่นายมาจากที่สว่าง ทำไมชาย...ฉันไม่เข้าใจ”

เวลาเดียวกันที่ถ้ำใต้บาดาล...เจ้าอุรคาลืมตาจากสมาธิ รับรู้เหตุการณ์ทุกอย่างด้วยแววตาเศร้าสร้อยและสำนึกผิด แม้จะปลื้มความรักที่ภุชคินทร์มี แต่เสียใจไม่น้อยที่ทำให้เขาจมกับความแค้น ชรายุมองอย่างเห็นใจระคนเวทนา บอกว่าที่ผ่านมาเพราะความยึดติดทำให้เจ้านายสาวร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เจ้าอุรคาน้ำตาคลอเปรยเสียงเบา

“สิ่งที่เกิดขึ้นสอนให้เราเรียนรู้คำว่าอนิจจัง ทุกอย่างในโลกนี้ล้วนไม่เที่ยงและเปลี่ยนแปลง มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป แต่เราก็อดยินดีกับมันไม่ได้ ทั้งที่รู้ว่าความเปรมปรีดิ์นี้ต้องผ่านเราไปสักวัน”

“ข้าดีใจที่เจ้ารู้ทันสิ่งที่กำลังเกิดอย่างมีสติ”

“เรารับรู้ทุกอย่างแต่ก็กล้าแลกด้วยน้ำตาหากมันแปรเป็นอื่น เพราะความรักทำให้หัวใจเราอิ่มเอม แต่สิ่งที่ค้างหัวใจเราคือภุชเคนทร์ไม่ถอนคำสาบาน”
ดวงหน้าเจ้าอุรคาเต็มไปด้วยความสลด ชรายุมองด้วยแววตาสงสารแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง

ด้านไพศิษฐ์...ไม่อยากเห็นภุชคินทร์จมกับความแค้น มุ่งมั่นดึงเพื่อนจากแรงพยาบาทในอดีต พาเพื่อนส่งบ้านและกลับโรงพัก หาข้อมูลเพชรที่โดนโจรกรรมหน้าตาเคร่งเครียด หวังพบหลักฐานเพื่อใช้กฎหมายเอา ผิดสุบรรณ

ขณะที่ไพศิษฐ์ตั้งหน้าตั้งตาหาเบาะแส...สุบรรณตื่นแต่เช้าด้วยความสบายใจแล้วหน้าซีดเผือด เห็นภาพสะท้อนตัวเองในกระจกหัวขาด สังหรณ์ว่าภุชคินทร์กำลัง วางแผนร้าย หวั่นใจแต่พยายามข่ม พึมพำด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า

“ถ้าถึงที่ตายมันก็ต้องตาย แต่เราจะไม่ผูกอาฆาตพยาบาทจองเวรกับคนที่ทำเรา เราขออโหสิกรรม!”

เวลาเดียวกันที่บ้านพันเอกนรินทร์...นาถสุดาปรับทุกข์กับพ่อเรื่องสุบรรณ กังวลจะคิดไม่ได้เรื่องเป็นมือที่สามระหว่างภุชคินทร์กับเจ้าอุรคา และเรื่องอื่นที่สังหรณ์ว่าเป็นเรื่องไม่ดี พันเอกนรินทร์รับฟังสีหน้าเรียบเฉย รู้ทุกอย่างแต่ไม่ออกความเห็นเพราะไม่อาจทำผิดกฎสวรรค์

นาถสุดาทนอึดอัดใจไม่ไหว ออกจากบ้านไปคฤหาสน์สุบรรณเพื่อค้นหาเรื่องคาใจ เรียกแท็กซี่และโทร.หาญาติหนุ่มเพื่อถามหยั่งเชิง ยิ้มดีใจที่เขาบอกว่ากำลังไปทำบุญข้างนอกและอาจกลับดึก สุบรรณแปลกใจที่ลูกพี่ลูกน้องสาวโทร.หาแต่ไม่คิดมาก พูดทิ้งท้ายอย่างอ่อนโยนว่าต่อไปนี้จะทำหน้าที่พี่ชายที่ดี นาถสุดาวางสายด้วยความปลื้มใจ ลงจากรถและลอบเข้าบ้านชายหนุ่ม พึมพำเสียงเบาแต่จริงจัง

“ขอโทษค่ะที่นาถต้องทำอย่างนี้ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างที่นาถทำเพราะนาถรักพี่สุบรรณค่ะ”

ooooooo

นาถสุดาก้าวเข้าคฤหาสน์สุบรรณอย่างหวาด หวั่น กวาดตามองด้วยความแปลกใจ ไม่มีบอดี้การ์ดมากมายเหมือนเคย รปภ.คนหนึ่งเดินมาหาเพราะจำเธอได้ บอกว่าเจ้านายหนุ่มสั่งให้ลดจำนวนคนในบ้าน เหลือเขาที่คอยเปิดประตูกับอำนาจ นาถสุดายิ้มนิดๆและหลอกว่าแวะมาทำเซอร์ไพรส์จึงเข้าบ้านได้โดยไม่มีข้อสงสัย

เวลาเดียวกันภายในห้องลับคฤหาสน์สุบรรณ... อำนาจนั่งมองหีบเครื่องเพชรของเจ้าประกายคำด้วย

แววตาเหม่อลอย ดวงตาไหวระริกคล้ายหวาดกลัวบางอย่าง เหลือบมองถุงดำสองสามถุงข้างห้อง นึกถึงลูกน้องที่เพิ่งฆ่าปิดปากและก้มมองมือตัวเองที่สั่นเทาด้วยแววตาสะเทือนใจ

“ฉันขอโทษ...ฉันต้องทำอย่างนี้ ไม่ใช่เพื่อท่านสุบรรณคนเดียว แต่เพื่อปกปิดความผิดของฉันด้วย”

อำนาจลุกช้าๆเดินไปยังกองถุงดำแล้วลากจำนวนหนึ่งออกไป ขณะเดียวกัน...นาถสุดาเดินเข้าไปในบ้านด้วยใจระทึก มองหาห้องลับตามที่ไพศิษฐ์เคยบอกแต่ไม่เห็นวี่แวว ชะงักเมื่อได้ยินเสียงคนเดินลากอะไรบางอย่างจากอีกด้านจึงหาที่ซ่อนตัว เห็นอำนาจลากถุงดำขนาดใหญ่ก็ตัวแข็ง ลอบมองด้วยความสนใจระคนอยากรู้ เธอรอจนคนสนิทญาติหนุ่มลับร่างแล้วจึงย่องเข้าด้านในอย่างรวดเร็ว

อำนาจแบกถุงถึงหน้าคฤหาสน์แล้วนึกได้ว่าลืมกุญแจรถจึงย้อนไปเอา เห็นนาถสุดายืนก้มๆเงยๆหน้าห้องลับก็หน้าตึง ย่องไปยืนข้างหลังอย่างแผ่วเบา นาถสุดารู้สึกเหมือนมีคนมอง หันไปดูแล้วเบิกตากว้าง อำนาจมองมาด้วยดวงตาถมึงทึง นาถสุดากลัวเป็นวัวสันหลังหวะ ถอยหลังกรูดด้วยความกลัวจับใจ ทำท่าอึกๆอักๆจนอำนาจรู้ถึงความผิดปกติ ย่างสามขุมเข้าหาอย่างเอาเรื่องและบอกว่าเธอไม่มีสิทธิ์เข้ามาในห้องนี้

“คุณนาถไม่น่าหาเรื่องใส่ตัว คนที่เข้ามาถึงนี่ ไม่มีใครออกไปได้สักคน”

นาถสุดาถอยหลังชนฝา อำนาจกระชากข้อมือเธอลากเข้าห้องลับ เหวี่ยงลงกับพื้นแล้วตวาดเสียงก้อง

“อยากรู้ใช่ไหมว่าที่นี่มีอะไร อยากรู้ก็ดู!”

อำนาจตรงไปเปิดหีบเครื่องเพชรออก ประกายแสงของอัญมณีมากมายทำให้นาถสุดาตะลึง อุทานเสียงเบาว่าเป็นเครื่องเพชรของเจ้าประกายคำ อำนาจคิดว่าหญิงสาวคงรู้เรื่องห้องลับจากไพศิษฐ์ ตะคอกใส่อย่างเหลืออด

“เป็นอย่างที่คาด ไอ้ผู้กองไพศิษฐ์...แต่ที่ผมคาดผิดและคิดไม่ถึงคือศัตรูของนายจะเป็นคนใกล้ตัวอย่างคุณ”

อำนาจโมโหแทนเจ้านายหนุ่ม กระชากหญิงสาวจากพื้นแล้วผลักให้ล้มลงบนกองถุงดำข้างห้อง นาถสุดาเห็นสายตามีเลศนัยจึงหันไปเปิดถุง ตาค้างเมื่อเห็นเศษกระดูกและซากอวัยวะมนุษย์ ส่งเสียงกรี๊ดลั่นและเริ่มสติแตก ตั้งท่าหนีแต่โดนอำนาจขัดขวาง พูดด้วยน้ำเสียงดุดันว่าไม่เคยคิดทำร้ายหญิงสาว แต่ครั้งนี้มันเหลือทนจริงๆ นาถสุดาละล่ำละลักบอกว่าไม่เคยคิดร้ายกับญาติหนุ่มและที่ทำทั้งหมดเพราะความหวังดี อำนาจเลือดขึ้นหน้า

“แต่สิ่งที่คุณทำอยู่คือการทำร้าย ทั้งๆที่คุณน่าจะเป็นคนสุดท้ายในโลกที่คิดทำร้ายท่าน”

“อำนาจ...ฉันไม่เคยคิดร้ายพี่สุบรรณจริงๆนะ”

“สิ่งที่คุณทำอยู่ ความสงสัย ความหวาดระแวง ไม่เชื่อใจ มันคือการทำร้าย ผมเสียใจแทนท่านสุบรรณจริงๆ ขนาดคุณเป็นน้องยังคิดล้างพี่ชายเพื่อผู้ชาย แต่หัวใจผมไม่เคยทรยศนาย ทั้งๆที่ผมเป็นแค่ขี้ข้าคนหนึ่ง”

อำนาจสวนอย่างหัวเสีย เข้าใจว่านาถสุดาตามสืบทุกอย่างเพื่อดำเนินคดีเจ้านายหนุ่ม นาถสุดาพยายามกล่อม

“ฉันแค่ต้องการเตือนพี่สุบรรณไม่ให้ทำผิดไปมากกว่านี้”

“ไม่ใช่...คุณต้องการความจริง เพื่อสนองความอยากรู้ของตัวเอง และคนสอดรู้สอดเห็นมีจุดจบอย่างเดียว!”

อำนาจเหวี่ยงเธอลงพื้น กระชากปืนและเงื้อขึ้น นาถ-สุดากรี๊ดสุดเสียงก่อนทุกอย่างจะดับวูบลงพร้อมสติของเธอ!

ooooooo

อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 11 วันที่ 2 มี.ค. 56

ละครเรื่อง มณีสวาท บทประพันธ์โดย : จินตวีร์ วิวัธน์
ละครเรื่อง มณีสวาท บทโทรทัศน์โดย : ณัฐวัฒน์
ละครเรื่อง มณีสวาท กำกับการแสดงโดย : วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง มณีสวาท แนวละคร : ตื่นเต้น ลึกลับ
ละครเรื่อง มณีสวาท ผลิตโดย : บริษัท กู๊ด ฟีลลิ่ง จำกัด โดย สมจริง ศรีสุภาพ
ติดตามชมละครเรื่อง มณีสวาท ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ