@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 13/2 วันที่ 8 มี.ค. 56


อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 13/2 วันที่ 8 มี.ค. 56

“แล้วคิดเหรอว่าโกหกข้า หัวพวกเอ็งจะไม่หลุด”
ขุนไวพุ่งไปคว้าดาบ ลูกน้องตะโกนลั่น
“ไว้ชีวิตพวกข้าด้วย”
ลูกน้องก้มกราบขุนไว รำพึงเข้าดึงมือขุนไว
“คุณพี่คะ”
“เอาตัวไอ้สองคนนี้ไปโบยร้อยหวาย”

ทาสคนอื่นมาลากตัวลูกน้องออกไป
รำพึงทำเป็นตัดพ้อ
“คนที่ผิดคือคุณพี่ต่างหากที่หลงเชื่อพวกมัน ปล่อยให้ขุนพิทักษ์รอดไปมีความสุขอยู่กับเมียทาส”
“คราวนี้พี่จะไม่ปล่อยให้มันมีชีวิตรอดไปอีกแล้ว!”


รำพึงยิ้มเหี้ยม

หลวงตามั่นนั่งสมาธิอยู่ในกุฏิ ภาพในนิมิต ขุนพิทักษ์เลือดโชกปริ่มจะขาดใจ ชุ่มอุ้มลูกวิ่งหนี
รำพึงสีหน้าดุดันตอนที่เผชิญหน้ากับชุ่ม เด็กร้องไห้จ้าอยู่ในอ้อมกอดของใครบางคน
ฟ้าผ่าเปรี้ยง ! หลวงตามั่นลืมตา สีหน้าบ่งบอกความหนักใจ ล่วงรู้ว่าเหล่านี้คือ สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ในเวลากลางคืน ขุนไวกับรำพึงเดินมุ่งหน้าเข้ามาในป่า ขุนไวถือดาบ ทั้งสองสีหน้าเหี้ยม ขุนพิทักษ์นอนหลับอยู่กับชุ่มที่ท้องโย้ ชุ่มเจ็บจี๊ดที่ท้อง
“โอ๊ย !”
ขุนพิทักษ์รีบตื่นมาดูชุ่ม
“ลูกดิ้นเหรอ”
“เจ้าค่ะ ครั้งนี้ดิ้นแรงมากเลย”
ขาดคำ เสียงหลวงตาดังขึ้น
“โยมชุ่ม โยมชุ่ม”
ชุ่มกับขุนพิทักษ์แปลกใจ

ในเวลากลางคืน ที่กลางป่า ขุนไวถือดาบนำขบวน ลูกน้องถือคบไฟในมือเป็นแผง
“ครั้งนี้ห้ามปล่อยให้ไอ้พิทักษ์รอดไปได้ ใครพลาด ข้าเอาตาย!”
รำพึงกัดฟันแน่น
“นังชุ่ม เอ็งจะไม่มีวันได้เสวยสุขกับคุณพี่พิทักษ์ ข้าขอสาบาน”
รำพึงเดินตรงไปข้างหน้า ไม่มีทางที่เธอจะถอยได้อีกแล้ว ฝ่ายขุนพิทักษ์และชุ่ม รีบเก็บข้าวของที่จำเป็น ขุนพิทักษ์หยิบกริชขึ้นมากำไว้แน่น
“รำพึง ทำไมเจ้าถึงไม่ยอมหยุดสักที”

ชุ่มเก็บผ้าเสร็จมาจับไหล่ขุนพิทักษ์ ทั้งสองคนกอดกัน ประตูเปิดออก ทั้งคู่หันขวับมองไปที่ประตู !
ขุนไวและรำพึงวิ่งมาหยุดที่หน้ากระท่อมพร้อมลูกน้อง ขุนไวสั่งด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“ไปลากหัวมันออกมา”
รำพึงสูดลมหายใจหนัก
ลูกน้องขุนไววิ่งเข้าไปในกระท่อม เพียงชั่วครู่ก็รีบวิ่งออกมารายงาน
“ไม่มีใครอยู่เลยขอรับ”
“อะไรนะ”
รำพึงวิ่งขึ้นไปดูบนเรือน ขุนไวตามไปติดๆ ในเรือนมีแต่ความว่างเปล่า
“พวกมันไหวตัวทัน”
รำพึงเจ็บใจ
“นังชุ่มนี่มันเป็นแมวเก้าชีวิตหรือไงเนี่ย”
ขุนไวหันไปสั่งลูกน้อง
“ออกล่ามัน พวกมันคงยังไปได้ไม่ไกลนัก”
“คุณพี่ก็ต้องตามให้เจอให้ได้นะคะ ถ้าคุณพี่ไม่อยากเห็นน้องทรมานใจไปจนตาย”
จังหวะนั้น หลวงตามั่นเดินออกมาจากด้านหลังกระท่อม
“ใจของโยมจะไม่ทรมาน ถ้าโยมหยุดการจองเวร”
รำพึงหันขวับไปทางเสียงเห็นหลวงตามั่นยืนอยู่ ขุนไวเดินลงไปกราบ
“หลวงตามาทำอะไรที่นี่ขอรับ”
“เจ้าไว เลิกแล้วต่อกันเถอะ อย่าเอาบาปของคนอื่นมาแบกไว้อีกเลย”
รำพึงได้ยินก็ปรี๊ดขึ้นทันที
“หลวงตาพูดแบบนี้ หมายความว่ายังไงเจ้าคะ”
“โยมย่อมรู้อยู่แก่ใจ ถ้าโยมหยุด คนอื่นก็จะพ้นบาปไปด้วย แต่ถ้าโยมไม่หยุด มือที่เปื้อนเลือดมันจะไม่ใช่มือโยมเพียงคนเดียว”
“บาปหน้าตาเป็นยังไง..ข้าไม่รู้จัก ถ้าบาปกรรมมีจริงก็ให้มันมาคิดบัญชีกับข้า ไม่ใช่กิจของหลวงตาที่ต้องมายืนเทศน์อยู่อย่างนี้”
ขุนไวลุกพรวดดุรำพึงด้วยความไม่พอใจ
“น้องรำพึง! น้องไม่ควรพูดอย่างนี้กับหลวงตา”
รำพึงชะงักกึก สะบัดพรึ่บ
“หลวงตาขอรับ น้องรำพึงต้องเจ็บปวดกับการกระทำของไอ้พิทักษ์มามากพอแล้ว กระผมทนดูคนรักเจ็บปวดไม่ได้ขอรับ”
รำพึงหันมายิ้มเยาะ
“ความลุ่มหลงจะนำเจ้าไปสู่หายนะ”
รำพึงเข้าไปคว้าแขนขุนไว
“คุณพี่เคยสาบานกับน้องว่าต่อให้พลิกแผ่นดิน คุณพี่ก็จะตามล่าเอาชีวิตนังชุ่มมาให้น้อง น้องหวังว่าคุณพี่จะไม่ผิดคำสาบาน”
หลวงตามั่นมองขุนไวที่ยืนอยู่ตรงกลางระหว่างทางเลือก
“หลงทางไป รีบหาทางสว่างให้เจอนะเจ้าไว”
รำพึงบีบแขนขุนไวแน่น ขุนไวยืนกำหมัดก้มหน้าหนีหลวงตา ขุนไวสั่งการ
“ส่งคนออกตามหาไอ้พิทักษ์กับนังชุ่ม เดี๋ยวนี้!”
รำพึงยิ้มชนะ นี่คือทางที่ขุนไวเลือก หลวงตามั่นจำต้องเดินจากไป หลวงตาเห็นขุนไวเงยหน้าขึ้นมามองด้วยแววตารู้สึกผิดหนักหนา

ขุนพิทักษ์หอบสัมภาระประคองชุ่มเดินเร็วจนมาถึงปากถ้ำ ชุ่มมีอาการเหนื่อยมาก
“เรามาไกลกันมากแล้ว พักที่นี่ก่อนเถอะ”
“ข้าไหวเจ้าค่ะ ไปต่อเถอะ หลวงตาบอกว่าให้เราไปให้ไกลที่สุดนะเจ้าคะ”

เมื่อตอนที่หลวงตามั่นเดินเข้ามาที่กระท่อมท้ายป่า ทั้งชุ่มและขุนพิทักษ์กราบหลวงตา
“รีบหนีไปให้ไกลที่สุด”
ขุนพิทักษ์หันมองชุ่มด้วยความสงสาร
“เป็นเพราะข้าแท้ๆ”
“รีบไปเถอะ แล้วอย่าหวนกลับมา อย่าหลงเข้ามาติดบ่วงของเขาอีก”

ชุ่มกับขุนพิทักษ์มองหน้ากัน
“รีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ”
ชุ่มพยายามจะเดินต่อ แต่พูดไม่ทันขาดคำ ชุ่มก็มีอาการเจ็บท้องจี๊ดขึ้นมา
“พักก่อนเถอะ เชื่อข้า เอ็งไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น ข้าไม่ยอมให้รำพึงทำอะไรเอ็งกับลูกของเราได้เป็นอันขาด”
ชุ่มมองขุนพิทักษ์อย่างอุ่นใจ ขุนพิทักษ์ประคองชุ่มเข้าไปในถ้ำ

เวลาเช้าที่หน้าเรือน ขุนไวกำลังสั่งลูกน้อง
“ข้ากลับจากเรือนท่านเจ้าคุณพิชัย ข้าต้องได้ความเรื่องไอ้พิทักษ์ เอ็งกำชับคนให้ออกตามหามันทุกหัวระแหง”
“ขอรับท่านขุน”
ขุนไวเห็น พระสูงวัยกับเด็กวัดที่ช่วยถือของที่พระบิณฑบาตเดินตัวเอียงเดินมาตามทาง
“ไหวมั้ยไอ้ดวง”
“ไหวจ๊ะหลวงตา แค่นี้ทำได้ ชาวบ้านเขาตั้งใจจะทำบุญ มันเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำนี่จ๊ะ หลวงตาสอนดวง ดวงจำได้ขึ้นใจ”
ขุนไวเห็นตรงหน้าก็นึกย้อนถึงตัวเองในวัยเด็ก
ภาพขุนไวเดินบิณฑบาตตามหลวงตามั่น ภาพที่หลวงตาอาบน้ำให้ ภาพหลวงตาสอนหนังสือ
“โตขึ้นอยากเอ็งอยากเป็นอะไรเจ้าไว”
“อยากเป็นคนดีจ๊ะหลวงตา หลวงตาสอนข้าว่าถ้าเราเป็นคนดี บาปกรรมจะทำอะไรเราไม่ได้”
“จำคำของเจ้าเอาไว้นะเจ้าไว วันใดที่เจ้าเดินทางผิด สำนึกของเจ้าจะเป็นสิ่งที่พาเจ้ากลับมาสู่หนทางดี”

ขุนไวในปัจจุบันมองภาพพระสูงวัยกับเด็กวัดเดินไกลออกไปด้วยสายตาอึ้งๆ

บริเวณลานดินกลางวัด หลวงตามั่นเดินจงกลม ขุนไวยืนจดๆจ้องๆ มองอยู่ แต่ไม่กล้าเข้าไป สุดท้ายขุนไวตัดสินใจหันหลังกลับ แต่เสียงที่ดังจากข้างหลังของหลวงตาหยุดขุนไวไว้
“ใจมันร้อนเป็นไฟใช่มั้ย เจ้าไว”
ขุนไวหันกลับมาเห็นหลวงตา ยืนอยู่ ด้านหลัง

“ไม่มีใครดับไฟในใจของเจ้าได้ นอกจากตัวเจ้าเอง ตาช่วยไม่ได้จริงๆ”
“หลวงตาช่วยกระผมมามากพอแล้ว กระผมมันก็แค่เด็กคนหนึ่งที่ไม่เคยมีใครต้องการ ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน มีชีวิตเป็นผู้เป็นคนได้แบบนี้เพราะมีหลวงตา หลวงตาช่วยกระผมมาตลอดชีวิตแล้ว”

“ตาเต็มใจช่วยเจ้าเสมอ หากช่วยให้เจ้าพ้นทุกข์ได้..แม้กระทั่งชีวิตของตา ตาก็ให้เจ้าได้”
น้ำตาของลูกผู้ชายอย่างขุนไวไหลอาบแก้ม
“แต่ครั้งนี้มันคงสายเกินไป สายเกินกว่าที่กระผมจะหันหลังกลับไปได้อีกแล้ว”
“ไม่มีคำว่าสาย สำหรับการเป็นคนดีหรอกเจ้าไว”
“เป็นคนดี บาปกรรมจะทำอะไรเราไม่ได้ คำสอนของหลวงตา กระผมยังจำไม่เคยลืม แต่ตอนนี้..ไม่มีความดีอะไร เทียบได้กับความรักที่กระผมมีให้ต่อน้องรำพึง กระผมยอมเอาชีวิตเข้าแลก ต่อให้ต้องจมอยู่ในขุมนรกกระผมก็ยอม”
“เจ้าไว”
ขุนไวลงนั่งยกมือขึ้นมาพนม
“หลวงตาเป็นคนให้ชีวิตกระผม แต่กระผมคงเป็นได้แค่ไอ้คนอกตัญญู ไม่อาจทดแทนบุญคุณของหลวงตาได้ในชาตินี้ กระผมขอกลับมาชดใช้ในชาติหน้า ขอให้กระผมได้มีพ่ออย่างหลวงตา ขอให้กระผมได้ตอบแทนหลวงตาด้วยชีวิตของกระผมบ้าง”
ขุนไวกราบลงไปที่เท้าหลวงตามั่น หลวงตามั่นใช้มือลูบหัว ขุนไวเงยหน้าขึ้นและลุกขึ้นเดินออกไปตามทางที่เขาเลือก ขุนไวเดินเช็ดน้ำตาจากไป ปล่อยให้หลวงตามั่นยืนมองอยู่ทางด้านหลัง
ภายในกระท่อมท้ายป่า เวลากลางวัน แจ่มหิ้วของมาที่กระท่อมแต่เห็นประตูปิดเงียบ แจ่มแปลกใจ จึงส่งเสียงเรียก แต่ก็ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ แจ่มตัดสินใจขึ้นไปบนเรือน แต่ยังไม่ถึงประตู ลูกน้องขุนไวก็เปิดประตูออกมา แจ่มตกใจ ของตกพื้นกระจาย
“นังใบ้แจ่มนี่เอง”
แจ่มเห็นท่าไม่ดี รีบถอยกรูดจะวิ่งหนี แต่ลูกน้องคนที่สอง และสามตามออกมาสมทบจากด้านหลัง แจ่มมองไปรอบตัวที่ตอนนี้ถูกล้อมไว้
“ถ้าจับนังใบ้นี้ไว้ ท่านขุนกับคุณรำพึงอาจพอใจ ตบรางวัลให้พวกเราก็ได้นะเว้ย”
แจ่มได้ยินก็ไม่รอช้า วิ่งหนี สุดตัว ลูกน้องพุ่งเข้าล็อกตัวแจ่มไว้ แจ่มทั้งร้อง ทั้งดิ้น ขาถีบ เป็นพัลวัน เสียงในคอแจ่มคำรามไม่หยุด แจ่มกัดมือลูกสมุนที่ล็อกตัวจนลูกสมุนร้อง
“โอ้ย ฤทธิ์เยอะนักนะ”
ลูกน้องคนที่สองร้องขึ้นแล้วตบแจ่มจนร่วงสลบไป
“เอามันไปมัดไว้ในเรือน เอ็งไปส่งข่าวบอกท่านขุนกับคุณรำพึง”
ลูกน้องคนที่สามวิ่งออกไป ลูกน้องคนที่หนึ่งและสองลากตัวแจ่มเข้าไปในกระท่อม

ภายในเรือนขุนไว จวงตบเข่าดังฉาด
“แหม คิดถึงเมื่อคืนแล้วเสียดาย อีกนิดเดียวนะเจ้าคะ ไม่งั้นเราคงได้ตัวนังชุ่มกับท่านขุนพิทักษ์แล้ว ทูนหัวของบ่าวจะได้ไม่ต้องร้อนรนทุรนทุรายแบบนี้”
จวงทำท่าอกสั่น ร้อนรนทุรนทุราย
“นังจวงอย่าให้มันมากนัก” รำพึงบอก
จวงรู้ตัวหัวหด
“เจ้าค่ะ เอ่อ..ว่าแต่ว่า คราวนี้เห็นท่านขุนพิทักษ์อยู่กับนังชุ่มซะขนาดนั้น จะเลิกรักท่านขุนพิทักษ์ได้รึยังเจ้าคะ จะไปรักทำไมเจ้าคะคนที่เขาไม่รักเรา”
รำพึงสะดุดกับคำพูดของจวง
“ดูท่านขุนไวสิเจ้าคะ รักคุณรำพึงมาก ถึงขนาดยอมถวายชีวิต คุณรำพึงกลับไม่รัก น่าสงสารท่านขุนไวนะเจ้าคะ”
รำพึงน้ำตาจุก
“ถ้าข้าบังคับหัวใจตัวเองได้แบบนั้น ข้าก็คงไม่ต้องมานั่งทุกข์อยู่แบบนี้หรอกนังจวง”
“ฟ้าดินชอบเล่นตลกกับหัวใจคนนะเจ้าคะ ดีนะเนี้ย ที่จวงไม่มีความรัก”
ลูกน้องขุนไวคนที่สามวิ่งขึ้นเรือนมา
“ท่านขุนขอรับ...”
“คุณพี่ไม่อยู่ เอ็งมีอะไร”

ภายในถ้ำ ขุนพิทักษ์สะบัดน้ำหยดสุดท้ายจากกระบอกป้อนให้ชุ่ม ที่พื้นมีห่อข้าวที่ห่อมาจากเรือนเปิดวางหมดอยู่
“ท่านให้ข้ากินน้ำจนหมด ส่วนท่านยังไม่ได้แตะอะไรเลย แบบนี้ท่านจะแย่นะเจ้าคะท่านขุน”
“ข้ายังไม่ตายหรอก เอ็งเชื่อข้าสิ เพราะข้าต้องมีชีวิตไว้อยู่กับลูกกับเมียข้า”
ชุ่มตีขุนพิทักษ์
“ข้าห่วงท่านจริงๆนะเจ้าคะ”
ขุนพิทักษ์ดึงชุ่มมากอด
“ข้ารู้ ไม่มีใครห่วงข้าเท่ากับเอ็งอีกแล้วชุ่ม”
“เราจะไปจากที่นี่กันรึยังเจ้าคะ”

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 13/2 วันที่ 8 มี.ค. 56

ละครเรื่อง บ่วงบาป บทประพันธ์ : อัจฉรียา
ละครเรื่อง บ่วงบาป บทโทรทัศน์ : พอวาสน์-นันทพร
ละครเรื่อง บ่วงบาป กำกับการแสดง : กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง บ่วงบาป แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง บ่วงบาป ผลิต : บ้านละคอนโดย อรพรรณ วัชรพล
ละครเรื่อง บ่วงบาป ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม กุมภาพันธ์ ทางไทยทีวีสีช่อง3
ที่มา manager