@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 13/7 วันที่ 10 มี.ค. 56


อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 13/7 วันที่ 10 มี.ค. 56

“นายทัดทำผิดอะไร ถึงต้องลงโทษกันรุนแรงแบบนี้”
“อย่าสะเออะ...คนอย่างข้าไม่จำเป็นต้องตอบคำถามเมียทาสของเจ้าคุณพ่อ”
“แต่เมียทาสอย่างดิฉันก็เป็นเมียคนเดียวที่ท่านเจ้าคุณยกย่อง ถ้าดิฉันมีดีไม่พอ ฉันคงอยู่ไม่ได้จนถึงทุกวันนี้ จำไม่ได้เหรอคะ ทุกครั้งที่มีเรื่องกันมันจบยังไง หรือจะลองวัดดูมั้ยคะว่าระหว่างเมียทาสอย่างดิฉัน กับ คุณเทิด ท่านเจ้าคุณจะอยู่ข้างใคร”
เกลียวมองอย่างไม่กลัว เทิดโกรธ ชี้หน้าเกลียว

“วันหนึ่งเจ้าคุณพ่อจะต้องรู้ว่าเลี้ยงอสรพิษไว้ในบ้าน”
เทิดโกรธออกไป เกลียวเข้าไปหาทัด เกลียวสั่งคนงาน
“เจ็บมากมั้ยพี่ทัด”
“เกลียวไม่น่าทำแบบนี้ ถ้าท่านเจ้าคุณรู้ เอ็งจะเดือดร้อน”
“ทุกวันนี้มันก็ตายทั้งเป็นอยู่แล้ว ไม่มีอะไรที่ฉันต้องกลัวไปมากกว่านี้”



ทัดมองเกลียวอย่างเข้าใจความรู้สึก
“ขอบใจนะเกลียวที่เอ็งช่วยพี่”

“ฉันต่างหากที่ต้องขอบใจพี่ พี่ทัดยอมลำบากอยู่ที่นี่ ทั้งๆที่ควรจะได้เป็นไทไปตั้งนานแล้ว พี่ยอมทนอยู่ที่นี่เพราะฉัน ฉันรู้”
“ในครั้งก่อนข้ารอดตายมาได้ก็เพราะเอ็งกับพ่อเกลี้ยง ถ้าข้าทิ้งเอ็งในขณะที่เอ็งทุกข์หนัก ข้าคงไม่ใช่คน”
เกลียวมองทัดอย่างเสียใจ
“หมายความว่า ถ้าไม่ใช่เพราะอยากตอบแทนฉันกับพ่อ ฉันคงไม่ได้เห็นหน้าพี่แล้วใช่มั้ย”
ทัดมองเกลียวอย่างเข้าใจในความหมาย
“เกลียว เอ็งเป็นน้องข้า”
เกลียวเจ็บทั้งๆที่รู้ แล้วเดินจากทัดไป ทัดได้แต่มองตามไป

บริเวณ ศาลาพักรอเรือนพระยาสุริน เวลากลางวัน คนใช้เสิร์ฟน้ำชาต้อนรับ แต่พลาดทำน้ำชาร้อนหกใส่อัฐ
“โอ้ย!”
“ตาอัฐ เป็นยังไงบ้างลูก” รำพึงถาม
คนใช้ลนลาน
“สะเพร่าจริงๆเลย” ระพีว่า
“ขอโทษเจ้าค่ะ อิฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“ไม่ได้ตั้งใจหรือ โง่กันแน่ แค่รินน้ำชาแค่นี้ยังทำไม่ได้”
“โดนน้ำร้อนแค่นี้ตาอัฐมันทนได้ เป็นลูกผู้ชายอย่าทำสำออย” คุณพระไวบอก
อัฐมองพ่อ คุณพระเกิดมองอัฐด้วยสายตาเย็นชา
“ผมไม่เป็นอะไรครับ อย่าไปดุน้าเขาเลย”
“คนพวกนี้ไม่สั่งสอนไม่ได้หรอก เดี๋ยวจะได้ใจ ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ”
จังหวะนั้นเกลียวเดินมาพอดี เพื่อจะมาตามไปพบท่านเจ้าคุณ เกลียวได้ยินสิ่งที่รำพึงดูถูกคนใช้
คนใช้กลัวจะร้องไห้
“อิฉันกราบขอโทษจริงๆเจ้าค่ะ”
“ถ้างั้นก็กราบลูกฉันซะ จะได้จำไม่ทำอะไรโง่ๆแบบนี้อีก”
“คุณแม่...”
คนใช้กลัวกำลังจะก้มกราบ เสียงเกลียวดังขึ้น
“ไม่ต้องกราบ”
รำพึงหันขวับไปมอง เกลียวเดินเข้ามา รำพึงมองเกลียวหัวจรดเท้า เกลียวไม่มีทีท่ากลัวเกรง
“เธอเป็นใคร กล้าดียังไงมาออกคำสั่ง”
“ดิฉันเกลียว ภรรยาของท่านเจ้าคุณสุรินค่ะ”
คุณพระไวหน้าเสีย
“ดิฉันต้องขอโทษคุณพระแทนคนของดิฉันด้วยนะคะ คนใหม่เพิ่งเข้ามายังไม่ค่อยรู้งาน ดิฉันจะจัดการ คนของดิฉันให้”
รำพึงไม่ยอมแพ้
“คนนี้นี่เอง เมียท่านเจ้าคุณที่ชื่อเสียงโด่งดัง ว่าไต่เต้าขึ้นมาจากนางทาสชั้นต่ำจนได้มาเป็นชนชั้นสูง ปกป้องคนรับใช้แบบนี้ เพราะเข้าใจหัวอกคนประเภทเดียวกันใช่มั้ยคะคุณเกลียว”
รำพึงมองเกลียวอย่างเหยียดหยาม คุณพระไวรีบเข้าขวางศึกครั้งนี้
“ท่านเจ้าคุณลงมาหรือยังครับคุณเกลียว”
“ท่านเจ้าคุณให้ดิฉันมาเชิญคุณพระให้เข้าพบได้แล้วค่ะ”
“เราไปหาท่านเจ้าคุณกันเถอะน้องรำพึง”
คุณพระไวดึงรำพึงไป ระพีมองเลิ่กลั่กเดินตามไป อัฐหันไปพูดกับเกลียว
“ผมขอโทษด้วยนะครับ”
เกลียวยิ้มให้อัฐ
“ไม่เป็นไรหรอกจ๊ะ น้าชินแล้ว”
อัฐเดินเข้าบ้านไป เกลียวมองตามความแตกต่างของแม่กับลูกชาย และเดินตามไป

บริเวณโถงเรือนพระยาสุริน คุณพระไวไหว้พระยาสุริน มีรำพึง อัฐ ระพีนั่งอยู่ด้วย ระพียิ้มหวานมองเทิดที่นั่งหน้าบูดไม่วางตา รำพึงมองเกลียวแบบใช้หางตา จนเกลียวรู้สึกได้
“กระผมพาครอบครัวมากราบท่านเจ้าคุณ หากมีสิ่งใดที่กระผมควรจะทำ ขอให้ท่านเจ้าคุณช่วยแนะนำด้วยนะขอรับ”
“ฉันดีใจที่คุณพระย้ายมาที่นี่ คนมีความสามารถมันก็ต้องก้าวหน้า แม่รำพึงนี่โชคดี มีผัวดี ชีวิตก็รุ่งเรือง”
“รำพึงต้องขอบพระคุณท่านเจ้าคุณด้วยเจ้าค่ะที่ช่วยสนับสนุนคุณพี่”
พระยาสุรินหัวเราะ
“แหม!คุณพระเองก็ถือเป็นผู้ชายที่โชคดี ได้เมียทั้งฉลาด ทั้งสวย แม่เกลียวของฉันท่าจะสู้ไม่ได้”
รำพึงหันไปมองเกลียว แต่เกลียวนิ่งไม่สนใจใคร
“ดิฉันต่างหากเจ้าคะที่สู้คุณเกลียวไม่ได้ ดิฉันเป็นลูกพระยา แต่เป็นได้แค่เมียคุณพระ แต่คุณเกลียวสิคะเป็นแค่ทาส แต่กลับได้เป็นถึงเมียพระยา วาสนาดีจริงๆ”
เกลียวหันขวับมองรำพึง รำพึงทำหัวเราะกลบเกลื่อน คุณพระไวรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“พ่อเทิดโตเป็นหนุ่ม รูปงามถอดแบบท่านเจ้าคุณมาเลยนะครับ”
พระยาสุรินมองไปทางอัฐกับระพี
“ตาอัฐเองก็โตขึ้นมากนะเรา นี่ห่างกับพ่อเทิดไม่กี่ปีจะโตทันกันแล้ว หนูระพีเองก็ดูจะสวยเหมือนแม่ ตอนเล็กยังวิ่งไล่พ่อเทิดอยู่เลย”
“ระพีสนุกมากเลยค่ะ ถ้าตอนนั้นไม่ได้เล่นกับพี่เทิด ระพีคงเหงาแย่”
ระพีหัวเราะคิกคัก
เทิดโพล่งออกมาทันที
“ใครอยากเล่นด้วย”
ระพียิ้มๆอยู่ก็หุบยิ้ม หน้าจ๋อยไปทันที
พระยาสุรินส่งเสียงปราม
“พ่อเทิด”
เกลียวเห็นท่าไม่ดี รีบเข้าแก้สถานการณ์
“คุณเทิดเป็นหนุ่มแล้ว คงจะเขินที่พูดถึงสมัยเด็กน่ะค่ะ”
เทิดหันขวับไปมองเกลียว
“ใช่มั้ยคะคุณเทิด” เกลียวถาม
เทิดกัดฟันตอบ
“ครับ”
ระพีกลับยิ้มหน้าบานที่ได้ยินคำตอบของเทิด รำพึงตาวาว มองเกลียวอย่างหมั่นไส้
“ดิฉันขอตัวไปดูอาหารที่โรงครัวก่อนนะคะท่านเจ้าคุณ”
“ไปเถอะ”
เกลียวเดินออกไป รำพึงมองตามอย่างไม่ยอมลดละ
“ถ้างั้นดิฉันขอไปดูในครัวท่านเจ้าคุณสักหน่อยนะคะ เผื่อจะได้ตำรับอาหารใหม่ๆไปทำให้คุณพี่ทานบ้าง”
“ตามสบายเลยแม่รำพึง”
รำพึงเดินตามเกลียวไป คุณพระไวมองตามอย่างกังวล
“คืนพรุ่งนี้ที่เรือนฉันจะมีงานสังสรรค์ของข้าราชการ ฉันอยากเชิญครอบครัวของคุณพระมาด้วย จะได้ถือโอกาสทำความรู้จักกับคนอื่น”
“ถือว่าเป็นเกียรติมากครับ”
“รับรองงานคืนพรุ่งนี้ต้องสนุกแน่”

ระพียิ้มอย่างมีความสุข แต่สีหน้าของเทิดกลับบอกบุญไม่รับ
เกลียวเดินมาทางด้านหน้าเรือน แต่ต้องหยุดชะงักด้วยเสียงรำพึง

“มีของดีอะไรเหรอคะ ถึงได้ขึ้นมาชูคอเป็นหงส์ได้แบบนี้”
เกลียวหันมา รำพึงใส่ต่อ
“ดิฉันแค่อยากรู้เคล็ดลับของคุณเกลียว ว่าใช้วิธีไหนมัดใจท่านเจ้าคุณ จากแค่เมียทาสได้มาเป็นเมียออกหน้าออกตา ทั้งๆที่ท่านเจ้าคุณก็มีเพชรตั้งมากมายให้เลือก แต่ดันมาคว้าขี้โคลนให้ชื่อเสียงแปดเปื้อน”
เกลียวรู้ว่า รำพึงประกาศสงคราม
“เรื่องแบบนี้ ฉันคงไม่ต้องบอกคุณรำพึง เพราะว่าจะผู้ดีหรือขี้ข้า ก็คงมีวิธีมัดใจผัวไม่ต่างกัน เรื่องในมุ้งไม่แยกแยะหรอกค่ะว่าใครเป็นเพชรใครเป็นตม มันแยกกันตรงจิตใจมากกว่าว่าใครดีกว่าใคร”
รำพึงกำหมัดแน่น เกลียวเดินไปทางครัว
“ผู้หญิงอย่างพวกแกมันก็แค่นังทาสชั้นต่ำ”
รำพึงหันขวับไป จะเดินตามไปลุยต่อ ที่มุมหนึ่งมีคนงานกำลังขนของออกไปทางท่าน้ำ รำพึงหันขวับ เห็นแผ่นหลังของชายคนหนึ่ง ช่างเหมือนขุนพิทักษ์เหลือเกิน
“คุณพี่พิทักษ์!”
รำพึงเดินตามไปได้ สอง สามก้าว แต่ถูกขัดด้วยเสียงเรียกของคุณพระไว
“น้องจะไปไหน”
“ก็จะไปดูในครัวไงคะ”
“นั่นมันทางไปท่าน้ำ ไม่ใช่ทางไปครัว”
“อ้อ...เอ่อ...คือน้องตามคุณเกลียวไม่ทัน ก็เลยไม่รู้ทางไหนเป็นทางไหน”
“ไม่มีอะไรแน่นะ”
“ไม่มีค่ะคุณพี่ คุณพี่จะกลับแล้วใช่มั้ยถึงออกมาตามน้อง ไปเถอะค่ะ น้องจะได้ไปกราบลาท่านเจ้าคุณ”
รำพึงดันสามีไป แต่ตัวยังหันกลับไปมองทางที่ชายปริศนาคนนั้นเดินลับตาไป

ภายในห้องนอนของคุณพระเกิด เวลาค่ำ คุณพระเกิดยื่นขวดน้ำอบให้นวล
“พี่มีน้ำอบมาฝากเจ้า กลิ่นนี้เจ้าคงชอบ”
นวลเอื้อมมือไปรับ
“ขอบคุณนะคะ”
ขุนเกิดจับมือนวลไว้
“คุณพี่พักเถอะค่ะ เหนื่อยมาทั้งวัน”
คุณพระเกิดยกมือนวลขึ้นมาหอม
“แค่เห็นหน้าเจ้าพี่ก็หายเหนื่อยแล้ว เจ้าทำให้พี่สุขใจ ขอบใจนะแม่นวลที่ยอมร่วมชีวิตกับพี่”
นวลค่อยๆเอื้อมมือไปกุมมือคุณพระเกิด
“คุณพี่มีบุญคุณกับดิฉัน ดิฉันไม่รู้จะหาอะไรมาตอบแทนได้ ดิฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณ”
คุณพระเกิดมองนวลด้วยสายตาเศร้า
“พี่จะรอคำว่ารักจากปากของเจ้า แทนคำว่าตอบแทนบุญคุณ ต่อให้พี่ต้องรอทั้งชีวิตเพื่อที่จะได้ยินคำนั้น พี่ก็จะรอ”
ขุนเกิดค่อยๆปล่อยมือนวลแล้วหันหลังเดินจากไป นวลมองประตูที่ที่ปิดลง
“หัวใจของดิฉันมันไม่ได้อยู่ที่นี่ สักวันดิฉันคงจะหามันเจอ”

ภายในห้องนอนอขงทัด บริเวณเรือนพระยาสุริน ทัดพนมมืออยู่ต่อหน้าพระพุทธรูป
“บุญใดที่ข้าได้ทำ ข้าขออุทิศให้กับลูกเมียของข้า ขอให้พวกเขา อยู่เย็นเป็นสุข และขอให้บุญนั้นส่งผลให้ข้าได้พบหน้าลูกเมียอีกครั้ง แม้ข้าต้องแลกด้วยชีวิต ข้าก็ยอม”
ทัดก้มกราบพระ
“ชุ่ม ข้าคิดถึงเอ็งกับลูกเหลือเกิน ข้าต้องชดใช้หนี้กรรมอีกนานแค่ไหนกว่าที่ข้าจะได้เจอพวกเอ็ง”
ทัดล้มตัวลงนอนพลางคิดถึงหน้าชุ่ม

ระพียิ้มระรื่นเข้ามาที่โถงเรือนคุณพระไว
“ระพีดีใจจังค่ะที่ได้เจอพี่เทิด”
“ลูกพ่อไม่เคยดีใจขนาดนี้ มีอะไรรึเปล่า”
ระพีรีบแก้ตัว
“ก็แหม...คนคุ้นเคยกันได้มาเจอกัน ก็ต้องดีใจเป็นธรรมดาสิคะ หรือ คุณพ่ออยากให้ระพีหน้าหงิกเวลาเจอพี่เทิด”
“ลูกคนนี้ยอกย้อนเป็นที่หนึ่ง พ่อดีใจซะอีกที่ลูกพ่อมีเพื่อนจะได้ไม่เหงา”
ระพียิ้ม
รำพึงเดินเข้ามาพร้อมจวง
“จะทำอะไรก็รักษากริยาไว้ด้วย เป็นลูกผู้หญิงอย่าให้มันเกินงาม”
“คุณแม่หมายความว่ายังไงคะ”
“แกรู้อยู่แก่ใจ ว่าแม่หมายความว่ายังไง”
ระพีไม่สนแม่ หันไปหาพ่อ
“ระพีไม่รู้หรอกค่ะ... คุณพ่อคะพรุ่งนี้ระพีจะแต่งตัวสวยๆให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของคุณพ่อไม่ให้น้อยหน้าคนอื่น”
“พ่อเชื่อว่าใครได้เห็นลูกสาวพ่อก็ต้องชื่นชม”
ระพียิ้มชนะหันมองรำพึงก่อนเดินเข้าห้องไป รำพึงไม่พอใจ คุณพระไวตวัดตาไปมองอัฐ
“ส่วนแกตาอัฐ ถ้าไม่อยากไปงานนี้ก็ไม่จำเป็นต้องไป เดี๋ยวจะเผลอไปทำอะไรให้ฉันได้อาย”
รำพึงตัดบทสรุป
“ไปกันหมดนี่แหละค่ะ จะได้ไม่ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านว่าพ่อบ้านนี้ลำเอียงรักแต่ลูกสาว”
รำพึงพูดประชดเสร็จก็หันหลังเดินออกไปอีกทาง คุณพระไวไม่พอใจ มองหน้าอัฐก่อนเดินออกไปอีกทางหนึ่ง จวงเข้าไปหาอัฐด้วยความสงสาร
“อย่าคิดมากนะเจ้าคะคุณอัฐ คุณพ่อกับคุณแม่คงเหนื่อย ก็เลย...”
“ไม่เป็นไรครับน้าจวง ผมเข้าใจ”
จวงมองอัฐด้วยความสงสาร

ภายในห้องนอน รำพึงนั่งอยู่หน้ากระจก คิดถึงคนที่เห็นเมื่อวาน แม้เห็นแค่แผ่นหลังก็ช่าง
เหมือนกับขุนพิทักษ์เหลือเกิน

“เหมือนเหลือเกิน”
จวงโผล่พรวดยื่นหน้ามา
“ใครเหมือนใครเหรอเจ้าคะ”
รำพึงตกใจ
“นังจวงบ้า! ข้าตกใจหมด”
“ก็จวงเห็นคุณรำพึงนั่งเหม่ออยู่ตั้งนาน คุณรำพึงคิดถึงใครอยู่เหรอเจ้าคะ”
“ข้ารู้สึกเหมือนว่าคุณพี่พิทักษ์อยู่ใกล้ๆ”
“ต๊าย..ตายแล้ว ทูนหัวของบ่าวเจ้าขา จนลูกโตแล้ว ยังไม่ลืมท่านขุนพิทักษ์อีกเหรอเจ้าคะป่านนี้ไปเกิดแล้วก็ไม่รู้”
“แต่ข้ารู้สึกแบบนั้นจริงๆ”

รำพึงมองเข้าไปในกระจกด้วยความสับสน
นวลกับน้อยกำลังเดินดูของในตลาด
“น้อยขอไปดูผ้าที่ร้านตรงหัวมุม เดี๋ยวน้อยกลับมานะคะ”
“ให้คุณพ่อไปด้วยดีกว่า คนเยอะ แม่ไม่อยากให้ลูกไปคนเดียว”
“แล้วแม่นวลล่ะ” คุณพระเกิดถาม
“ดิฉันจะไปดูเครื่องหอมสักหน่อยค่ะ คุณพี่จะได้มีของเอาไปฝากท่านเจ้าคุณคืนนี้ คุณพี่ไปกับลูกเถอะค่ะ”
น้อยเดินนำ พ่อเดินตามลูกไป นวลมองตามก่อนเดินออกไป

นวลเดินเลี้ยวมาตามทางเดิน ที่หน้าร้านร้านหนึ่ง ทัดยืนรอรับของอยู่หน้าร้าน แม่ค้ากำลังจัดของใส่ถุงยื่นให้
“แหม...ถ้าเรือนท่านเจ้าคุณสุรินจัดงานแบบนี้บ่อยๆ ก็ดีน่ะสิ ของจะได้ขายดีแบบนี้...ขอบใจนะทัด”
“จ้ะป้า”
ทัดยิ้มให้แม่ค้า นวลเดินเข้ามาใกล้ทุกที ทัดรับของอีกหลายถุงจากแม่ค้านวลเดินเข้ามาใกล้ทัดมาก ทัดรับของมาหมด
“ฉันไปนะ”
ทัดหันไปทางนวล ที่เสี้ยวหน้าของคนทั้งสองเกือบจะได้เจอกัน แต่ถุงของในมือทัดดันหลุดจากมือ
ทัดก้มหน้าลงมองของเป็นจังหวะที่นวลเดินผ่านหน้าไป
“อ้าวไอ้ทัด...ยังไม่ไปถึงไหนเลย”

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 13/7 วันที่ 10 มี.ค. 56

ละครเรื่อง บ่วงบาป บทประพันธ์ : อัจฉรียา
ละครเรื่อง บ่วงบาป บทโทรทัศน์ : พอวาสน์-นันทพร
ละครเรื่อง บ่วงบาป กำกับการแสดง : กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง บ่วงบาป แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง บ่วงบาป ผลิต : บ้านละคอนโดย อรพรรณ วัชรพล
ละครเรื่อง บ่วงบาป ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม กุมภาพันธ์ ทางไทยทีวีสีช่อง3
ที่มา manager