@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร มณีสวาท ตอนอวสาน วันที่ 7 มี.ค. 56


อ่านละคร มณีสวาท ตอนอวสาน วันที่ 7 มี.ค. 56

เย็นวันเดียวกัน...ภุชคินทร์มาหาเจ้าอุรคาที่เฮือน เหมือนเคย สวมกอดจากด้านหลังด้วยความสิเน่หา เจ้าอุรคาเล่าเรื่องหม่อมภาณีขอร้องให้เลิกกับเขาเพื่ออนาคต ภุชคินทร์อาสาพูดกับแม่ เจ้าอุรคายิ้มและบอกว่าไม่มีประโยชน์

“ดิฉันเห็นแก่ตัวมานานมากแล้ว เอาแต่คิดถึงความทุกข์ของตนฝ่ายเดียว ดื้อรั้นไม่ยอมรับความจริง ว่าคุณชายกับฉันอยู่คนละภพ ไม่มีทางครองคู่กันได้ ทำให้คนมากมายเดือดร้อน แม้แต่ชรายุก็ต้องมาตายเพราะฉัน”

“ทำไมพูดเหมือนจะยอมรับผิดคนเดียวแล้วทิ้งผมไปอย่างนั้นล่ะครับเจ้า ลืมความรักของเราแล้วหรือครับ”


“จะกี่อสงไขย ฉันก็ไม่ลืม แต่เราไม่ได้มีความรักอย่างเดียว ยังมีหน้าที่และความรับผิดชอบ โดยเฉพาะท่านคือคุณชายแห่งวังนาเคนทร์ มีหน้าที่ต่อวงศ์ตระกูลและบุพการี กลับไปทำหน้าที่นั้นให้สมบูรณ์เถอะค่ะ”

ภุชคินทร์หน้าซีดเผือด ตัดพ้อด้วยความน้อยใจว่าเธอไม่รัก เจ้าอุรคาฝืนยิ้มรับ เปรยเสียงอ่อน

“ความรักของฉันจะอยู่กับคุณเสมอ วันใดที่บุญเราเสมอกัน ก็จะอยู่ภพภูมิเดียวกันและครองคู่กันอีกครั้ง”

จบคำพญานาคสาวจุมพิตริมฝีปากเขาแผ่วเบา กล่าวอำลาด้วยน้ำตากลบหน้าแล้วค่อยๆเลือนร่างหายไป ภุชคินทร์สะเทือนใจมาก มองภาพเฮือนภูจำปากลายสภาพเป็นป่ารกชัฏอย่างเดียวดาย

ooooooo

ภุชคินทร์เสียใจเรื่องเจ้าอุรคาจนไม่เป็นอันทำอะไร หม่อมภาณีเครียดตามลูก ปรึกษาน้องชายเรื่องทาบทามเฟื่องวลี ภิงคารทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก บอกว่าคงไม่ทันการณ์เพราะหญิงสาวเพิ่งรู้ตัวตั้งท้องไม่กี่วันก่อน นารีวรรณเห็นใจแม่ หนักใจไม่แพ้กันเพราะไม่รู้จะช่วยภุชคินทร์อย่างไรดี

ขณะที่ภุชคินทร์ตรอมใจ...ไพศิษฐ์วางแผนขอนาถสุดาแต่งงานที่ร้านอาหารสุดโรแมนติก ผู้กองหนุ่มแกล้งปลีกตัวไปจับผู้ร้ายและย้อนกลับมาพร้อมเซอร์ไพรส์ คุกเข่าสวมแหวนให้เธอ

“ตั้งแต่ตอนนาถโคม่า ผมกลัวมาตลอดว่าจะสูญเสียนาถไป ผมไม่อยากรู้สึกแบบนั้นอีก ให้โอกาสผมปกป้องและดูแลนาถนะครับ แต่งงานกับผมนะ”
นาถสุดาทั้งปลื้มและอายแต่ก็ตอบตกลง ไพศิษฐ์ดีใจสุดๆ ลุกขึ้นกอดแฟนสาวอย่างยินดี...

ฟากภุชคินทร์นอนฝันถึงเจ้าอุรคาเหมือนหลายคืนที่ผ่านมา เห็นตัวเองเดินท่ามกลางสวนสวย อดยิ้มด้วยความพอใจไม่ได้ เขากอดพญานาคสาวไว้ในอ้อมแขนแน่นด้วยความคิดถึง มองบรรยากาศรอบตัวและขอมาอยู่ร่วมกับเธอ เจ้าอุรคาขรึมลง ปฏิเสธและอธิบายเสียงอ่อน

“ผู้ที่อยู่ที่นี่ได้ต้องทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์เท่านั้น เรารู้ว่าท่านคิดถึงเรา แต่การที่ท่านเอาแต่คิดถึงจนไม่ยอมทำอะไรเป็นการละเลยต่อหน้าที่ ทั้งในฐานะลูกและในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง”

เจ้าอุรคาเจ็บช้ำไม่น้อยที่พูดตรงๆแต่พยายามข่มใจ ตัดสินใจพูดต่อเมื่อเห็นเขาผ่อนท่าที

“เรารักท่านแต่ก็มีหน้าที่ ท่านเองก็เช่นกัน หากยังเป็นเช่นนี้ เราสองคนจะยิ่งห่าง ไม่มีวันได้อยู่ร่วมกันอีก”

ภุชคินทร์หน้าเสีย เจ้าอุรคาจับมือเขาอย่างให้กำลังใจ...เชื่อว่าต้องทำได้แน่ ราชนิกุลหนุ่มสะดุ้งตื่นกลางดึก ทบทวนความฝันทั้งหมดก่อนลุกขึ้นนั่ง สัญญากับตัวเองว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองเสียที

ooooooo

หม่อมภาณีกับนารีวรรณกลุ้มเรื่องภุชคินทร์ที่จมปลักกับความรักจนไม่ยอมทำงาน ทานข้าวเช้าด้วยความเซ็งแล้วตาโต เห็นภุชคินทร์ในชุดสูท ถือกระเป๋าเอกสารเตรียมไปทำงาน เปรยเหมือนไม่เคยมีเรื่องเศร้าว่ากลัวโดนไล่ออก หม่อมภาณีตกตะลึง ภุชคินทร์ยิ้มบางๆ พูดเสียงอ่อน

“คุณแม่ไม่ได้ฝันหรอกครับ งานนี้ผมเป็นคนเลือกเอง ผมไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังหรอกครับ”

จบคำก็ยกกระเป๋าออกจากบ้าน สองแม่ลูกจับมือกันด้วยความดีใจ...ในที่สุดภุชคินทร์ก็กลับมาเหมือนเดิม

วันเวลาผ่านไปสิบสองปี...ภุชคินทร์ทำงานในรัฐบาลจนมีโอกาสก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ชายหนุ่มปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจเกือบครบวาระ กองทัพนักข่าวดักรอหน้าห้องจัดงานเลี้ยงโรงแรม รุมล้อมสัมภาษณ์จนไพศิษฐ์กับคณะเจ้าหน้าที่ติดตามต้องคอยกัน บรรดานักข่าวไม่ย่อท้อ เบียดเสียดกันตั้งคำถาม

“ท่านนายกฯคะ ข่าวที่ว่าท่านจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกแล้ว จริงหรือเปล่าคะ”

กองทัพนักข่าวส่งเสียงเซ็งแซ่ด้วยความอยากรู้ ภุชคินทร์ยืนสงบนิ่งและเปรยด้วยรอยยิ้มน้อยๆเหมือนเคย

“ก็อย่างที่ทุกคนทราบนะครับ ผมบริหารประเทศจนครบวาระในอีกไม่กี่วัน มีหลายเสียงอยากให้บริหารต่อ ผมขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ แต่ผมขอยืนยันว่าจะไม่ลงสมัครอีก และจะไม่ยุ่งเกี่ยวการเมือง เปิดโอกาสให้คนใหม่ๆบ้าง”

คำให้สัมภาษณ์ของภุชคินทร์เรียกเสียงฮือฮาจากกองทัพนักข่าว วิ่งตามนายกฯหนุ่มติดๆเพื่อถามถึงสาเหตุ แต่ไม่ทัน ภุชคินทร์มาขึ้นรถที่ลานจอดโรงแรม มองกลุ่มเจ้าหน้าที่ติดตามยืนล้อมรถเขาอย่างระแวดระวังแล้วอ่อนใจ พูดกับไพศิษฐ์ที่พูดจามีพิธีรีตองกับเขาด้วยความหมั่นไส้

“เลิกเรียกว่าท่านเถอะ ทนฟังมาหลายปีแล้ว... รำคาญว่ะ แล้วไม่ต้องแห่มาเป็นขบวนนะ อยากเป็นส่วนตัว”

“เออๆ ไม่มีบอดี้การ์ดก็ได้ แต่ยังไงแกก็ต้องไปกับฉัน โอเคไหม”

“ครับท่านผู้กำกับ...ไปครับไป ยังพอมีเวลาเหลือไหม ฉันอยากแวะที่อื่นก่อน”

ภุชคินทร์พูดเสียงเรียบแล้วก้าวขึ้นรถ ไพศิษฐ์มองตามด้วยความแปลกใจ...เพื่อนรักอยากไปไหน

ooooooo

ภุชคินทร์ยืนมองคลองแถบชานเมืองด้วยท่าทีสงบ จิตใจปลอดโปร่งอย่างประหลาด ไพศิษฐ์ถามเรื่องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ภุชคินทร์ตั้งท่าจะตอบแล้วชะงัก ได้ยินเสียงชาวบ้านตะโกนโหวกเหวก ตัดสินใจวิ่งไปดู เห็นรอยเท้าพญานาคขนาดใหญ่ หน้าขรึมลงถนัดใจ...สังหรณ์ว่าคงถึงเวลาเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

ภุชคินทร์ฝันถึงเจ้าอุรคาคืนเดียวกันนั้น...ทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้มหลังจากไม่ได้พบเธอมานาน

“งานผมกำลังจะจบ ผมคิดว่าในฐานะมนุษย์ การได้เกิดมาและช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสกว่า ด้วยความซื่อสัตย์ น่าจะเพียงพอแล้วสำหรับหน้าที่ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน”

“ค่ะ...พอแล้ว แต่ยังมีเรื่องอื่นที่ท่านต้องทำอีก เพื่อให้บุญของเราเสมอกัน”

“ผมทราบครับ ตั้งแต่เห็นรอยพญานาค ผมก็รู้แล้วว่าเวลาที่เราสองคนจะครองคู่ใกล้เข้ามาแล้ว ต่อไปนี้ผมจะหยุดทำบาปและสั่งสมบุญ การรอคอยของเราจะได้สิ้นสุดเสียที”

เจ้าอุรคายิ้มรับ สองหนุ่มสาวกอดกันด้วยความรักเต็มเปี่ยม...อีกไม่นานจะได้อยู่ด้วยกันสักที

ภุชคินทร์ตัดสินใจบวชเพื่อสร้างบุญบารมี รีบแจ้งข่าวดีกับแม่ หม่อมภาณีตื่นเต้นแล้วชะงัก ได้ยินลูกชายบอกจะบวชตลอดชีวิต ตัดพ้อต่อว่าลูกชายด้วยความน้อยใจที่ฝังใจเรื่องเจ้าอุรคา

“ชายอย่าเอาบุญกุศลมาอ้าง แม่รู้ว่าชายยังไม่ลืมเจ้าอุรคา ชายถึงไม่ยอมมีใคร แล้วนี่ก็จะหนีแม่ไปบวชอีก จะสั่งสมบุญให้ได้ใกล้ชิดเจ้าอุรคาใช่ไหม”

“แล้วมันผิดเหรอครับที่ผมรักเจ้าอุรคา ในเมื่อที่ผ่านมาผมก็ทำทุกอย่างที่ควรทำ ทั้งในฐานะลูกและมนุษย์ ชีวิตที่เหลืออยู่ผมขอทำตามหัวใจตัวเองในฐานะผู้ชายที่รักผู้หญิงคนหนึ่งสุดหัวใจบ้างเถอะครับ”

หม่อมภาณีรับฟังอย่างหนักใจ รู้ว่าไม่มีทางขัดขวางลูกชายได้อีก พยักหน้ายินยอมทั้งน้ำตา ภุชคินทร์ยิ้มบางๆ ก้มลงกราบเท้าแม่ด้วยความซึ้งใจ

ภุชคินทร์เข้าพิธีอุปสมบทที่วัดธาตุพนมสองสามเดือนหลังจากนั้น ท่ามกลางความปลื้มปีติของทุกคน โดยเฉพาะเจ้าอุรคาที่กลายร่างเป็นมนุษย์มาใส่บาตรพระหนุ่มทุกวัน...เวลาผ่านไปราวสองปี หม่อมภาณีฝันถึงลูกชายในสภาพก่อนบวช ยิ้มรับอย่างยินดีเพราะนึกว่าเขาสึกแล้ว ภุชคินทร์มีสีหน้าขรึมลง ก้มลงกราบแทบเท้าและกล่าวอำลา

“ผมต้องไปเพราะหมดเวลาของผมแล้ว แต่คุณแม่ไม่ต้องห่วง ผมจะคอยปกป้องคุ้มครองทุกคนตลอดไปครับ”

จบคำภาพภุชคินทร์ก็หายไป หม่อมภาณีสะดุ้งตื่นกลางดึก ทบทวนความฝันแล้วสังหรณ์ใจไม่ดี ตัดสินใจชวนนารีวรรณไปหาพระภุชคินทร์แต่เช้า เจ้าอาวาสมองสองแม่ลูกด้วยความเวทนา แสดงความเสียใจที่มาถึงช้าไป หม่อมภาณีร่ำไห้ เห็นรอยเท้าพญานาคเลื้อยจากกุฏิ รู้ว่าพระลูกชายมรณภาพไปเกิดเป็นพญานาคสมที่รอมานาน

ภุชคินทร์ปรากฏตัวอีกครั้งที่ริมโขง สวมกอดเจ้าอุรคาที่ยืนรออยู่แล้วด้วยความคิดถึง สองหนุ่มสาวจูงมือกันลงแม่น้ำ กลายร่างเป็นพญานาคว่ายน้ำคลอเคลียกันอย่างมีความสุข

ooooooo

******อวสาน******

อ่านละคร มณีสวาท ตอนอวสาน วันที่ 7 มี.ค. 56
ละครเรื่อง มณีสวาท บทประพันธ์โดย : จินตวีร์ วิวัธน์
ละครเรื่อง มณีสวาท บทโทรทัศน์โดย : ณัฐวัฒน์
ละครเรื่อง มณีสวาท กำกับการแสดงโดย : วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง มณีสวาท แนวละคร : ตื่นเต้น ลึกลับ
ละครเรื่อง มณีสวาท ผลิตโดย : บริษัท กู๊ด ฟีลลิ่ง จำกัด โดย สมจริง ศรีสุภาพ
ติดตามชมละครเรื่อง มณีสวาท ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ